การปกครองของอังกฤษ

การปกครองของอังกฤษ การแบ่งอำนาจที่สมดุล

การปกครองของอังกฤษเป็นระบบประชาธิปไตยแบบราชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นหัวหน้ารัฐบาลแต่ส่วนใหญ่ฟังก์ชันการปกครองถูกมอบให้แก่รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากการเลือกตั้งของประชาชน ระบบการปกครองมีสามองค์กรสำคัญคือ รัฐบาลที่ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร และศาลฎีกา ระบบการปกครองในอังกฤษมีการยึดถือหลักการแบ่งอำนาจออกเป็นสาขาต่างๆ เพื่อให้มีการสมดุลและความเป็นระเบียบในการตัดสินใจ มีการให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และความเป็นศาสนาเป็นสิทธิประโยชน์ของประชาชน ระบบการปกครองในอังกฤษยังมีการให้ความสำคัญกับกฎหมาย ความเป็นศูนย์กลางของระบบนิติธรรม และการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเข้มงวด 

 

การปกครองของอังกฤษ สหราชอาณาจักร ไม่ใช่แค่ประเทศอังกฤษ 

การปกครองของอังกฤษ ประเทศอังกฤษ ชื่อทางการ คือ สหราชอาณาจักร หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สหราชอาณาจักรแห่งสหภาพแคมเบรีย (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบบราชาธิปไตยแบบรัฐบาลประชาธิปไตยแบบประชาธิปไตยแบบปาร์ลิาเมนต์ มีพระมหากษัตริย์เป็นหัวหน้ารัฐบาลและรัฐสภาเป็นองค์กรสูงสุดในการตัดสินใจทางนโยบาย 

สหราชอาณาจักรประกอบด้วยสี่ประเทศที่รวมกันเป็นหนึ่ง คือ อังกฤษ (England), สกอตแลนด์ (Scotland), เวลส์ (Wales) และเอริน (Northern Ireland) ซึ่งแต่ละประเทศมีกฎหมายและระบบการปกครองที่บางอย่างแตกต่างกัน อังกฤษเป็นส่วนใหญ่และมีการควบคุมที่มากที่สุด ในขณะที่สกอตแลนด์ เวลส์ และเอริน มีอำนาจในการตัดสินใจบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องภายนอก แต่ในเรื่องภายในและบางด้านการปกครองยังอยู่ในขอบเขตของสหราชอาณาจักร 

สหราชอาณาจักรมีความเป็นหน่วยงานสมาชิกในองค์การสหประชาชาติ (UN), สหภาพยุโรป (EU), และกลุ่มประเทศห้าสากลที่เรียกว่า “Five Eyes” ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลและสารสนเทศร่วมกัน สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีอิสระภายใต้กฎหมาย มีเศรษฐกิจที่หลากหลายและมีบทบาททางการเงินและการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญในอดีตและปัจจุบัน และเป็นที่รู้จักในด้านการศึกษา เทคโนโลยี วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว 

แทงบอล

รัฐธรรมนูญอังกฤษ มีหลายส่วนที่สำคัญมารวมกัน ใน การปกครองของอังกฤษ

รัฐธรรมนูญอังกฤษ (Constitution of the United Kingdom) ไม่ได้มีเอกสารที่สร้างโดยที่สถาบันเดียวเหมือนกับรัฐธรรมนูญในประเทศอื่นๆ แต่เป็นการสะท้อนความเป็นแบบราชาธิปไตยและประชาธิปไตยของอังกฤษที่สะท้อนในกฎหมายที่เกี่ยวข้องและพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เอกสารที่สำคัญมีดังนี้: 

  1. พระราชบัญญัติความสำคัญในการปกครอง (The Magna Carta) – เอกสารที่สำคัญในปี 1215 ซึ่งกำหนดให้กำเนิดแนวความคิดของการรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และเป็นการจำกัดอำนาจของพระมหากษัตริย์ 
  2. พระราชบัญญัติการบริหารท้องถิ่น (The Local Government Act) – เอกสารที่สำคัญในการกำหนดรูปแบบการบริหารท้องถิ่นและอำนาจของสมาชิกในองค์กรท้องถิ่น 
  3. พระราชบัญญัติความเสมอภาครัฐ (The Act of Union) – เอกสารที่กำหนดการรวมเป็นรัฐเดียวกันของอังกฤษและสกอตแลนด์เป็นรัฐบาลสหพันธรัฐของสหราชอาณาจักรในปี 1707 
  4. พระราชบัญญัติการปกครองปฏิรูป (The Reform Acts) – เอกสารที่กำหนดการปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งและอำนาจในการปกครองในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 

รัฐธรรมนูญอังกฤษเกิดขึ้นจากการพัฒนาและปรับปรุงตามเวลาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และส่วนใหญ่จะไม่เป็นเอกสารเดียว แต่เป็นผลผสมของกฎหมาย พระราชบัญญัติ และที่สำคัญคือการพิพากษาศาลและแผนกนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีประสิทธิภาพในการสร้างคำตอบแก่สังคมในแต่ละยุค 

 

การปกครองประเทศอังกฤษระบบรัฐสภา ที่มีการผสมผสาน 

ระบบ การปกครองประเทศอังกฤษระบบรัฐสภา (Parliamentary system) หรือ ประเทศอังกฤษ ตัวย่อ คือ UK ซึ่งมีลักษณะการปกครองที่ผสมผสานระหว่างพรรคการเมืองและสมาชิกในรัฐสภา โดยมีองค์ประกอบหลักคือ: 

  1. พรรคการเมือง: องค์กรการเมืองที่มีสมาชิกและนโยบายทางการเมือง เป็นผู้แทนผู้มีอำนาจในการเลือกตั้งและการบริหารประเทศ 
  2. รัฐสภา (Parliament): สภาผู้แทนราษฎรของประชาชน ประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ สภาผู้แทนราษฎร (House of Commons) ซึ่งเป็นสมาชิกที่เลือกตั้งและมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับกฎหมายและการบริหารประเทศ และสภาผู้แทนพี่น้อง (House of Lords) ที่ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากตำแหน่งราชการและตำแหน่งชั้นสูงต่าง ๆ และมีบทบาทในการตรวจสอบและเสนอแนะ 
  3. ราชอำนาจ: มีกฎหมายและการบริหารประเทศตามระเบียบปฏิบัติที่มาจากพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม พระมหากษัตริย์ไม่มีอำนาจส่วนใหญ่ในการตัดสินใจ แต่จะมีบทบาทในการแสดงความเห็นและการสนับสนุนการปกครอง 

ข้อดีของระบบรัฐสภา: 

  • การมีสภาผู้แทนราษฎรที่เลือกตั้งแบบมีผู้แทนทุกพื้นที่ทำให้มีการแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะจากหลากหลายมุมมอง 
  • การให้สิทธิแก่พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งให้มีบทบาทในการบริหารประเทศ 
  • การแบ่งอำนาจระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและราชอำนาจช่วยเสริมสร้างสมดุลและการตรวจสอบ 

ข้อเสียของระบบรัฐสภา: 

  • อาจเกิดการแต่งตั้งรัฐบาลที่ไม่มีความมั่นคงหรืออาจเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการเป็นระยะยาวได้ 
  • การผลักดันและการเจรจากันของพรรคการเมืองที่แตกต่างกันอาจทำให้เกิดความขัดแย้งและการอภิปราย 
  • การให้สิทธิแก่พรรคการเมืองในการบริหารประเทศอาจทำให้มีการก่อกวนและการดิจเจ้าเป็นไปได้ 

โดยรวมแล้ว ระบบรัฐสภาในประเทศอังกฤษเป็นระบบที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้แทนราษฎรและการพิจารณาทางการเมืองให้กับคนทั่วไป และสร้างความสมดุลและการตรวจสอบในการบริหารประเทศ 

 

สถาบันการปกครองของประเทศอังกฤษ แบ่งเป็น เหมือนระดับชนชั้น 

สถาบันการปกครองของประเทศอังกฤษ แบ่งเป็น สถาบันต่อไปนี้: 

  1. ราชวงศ์: ประเทศอังกฤษเป็นระบอบกษัตริย์สมบูรณ์ โดยมีหลายราชวงศ์ตามการสืบทอดอำนาจ ปัจจุบัน ราชวงศ์วินเซอร์ เป็นราชวงศ์ปัจจุบันที่ครองบัลลังก์ 
  2. รัฐบาล: ประเทศอังกฤษมีระบบรัฐบาลประชาธิปไตยแบบประเทศราชอาณาจักร ซึ่งมีอำนาจการปกครองและการตัดสินใจเป็นอิสระของรัฐบาลที่เลือกตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมือง 
  3. สภาผู้แทนราษฎร (House of Commons): เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เลือกตั้งจากเขตเลือกตั้งและมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับกฎหมายและการบริหารประเทศ 
  4. สภาผู้แทนพี่น้อง (House of Lords): เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาที่ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้งจากตำแหน่งชั้นสูง โดยทั่วไปแล้วมีบทบาทในการเสนอแนะและตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาล 
  5. ราชอำนาจ: พระมหากษัตริย์เป็นสัญลักษณ์และสัญชาตญาณของการปกครองอังกฤษ แม้ว่าพระมหากษัตริย์จะไม่มีอำนาจการปกครองที่เป็นนัยสำคัญ แต่ยังมีบทบาททางสัญชาตญาณและสัญลักษณ์ที่สำคัญในระบบการปกครอง 

เมื่อมี ชื่อประเทศอังกฤษ ผู้คนมักจะนึกถึงราชวงศ์เป็นอย่างแรก แต่เนื่องจากฐานะและสถาบันการปกครองของประเทศอังกฤษมีความซับซ้อนและมีลักษณะพิเศษ การจัดรูปแบบและการใช้งานสถาบันเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตามสถานการณ์และการพัฒนาของประเทศในแต่ละยุค 

 

เปรียบเทียบการปกครองอังกฤษกับไทย มีความแตกต่างกันอย่างไร 

การปกครองอังกฤษและไทยมีความแตกต่างกันอย่างมากเนื่องจากมีระบบการปกครองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่คือการ เปรียบเทียบการปกครองอังกฤษกับไทย: 

  1. ระบบราชการ: อังกฤษเป็นราชอาณาจักรที่มีพระมหากษัตริย์เป็นหัวหน้าสูงสุดของรัฐบาล ในขณะที่ไทยเป็นระบอบกษัตริย์บรรดาศักดิ์กับระบบรัฐธรรมนูญสังคมนิยม ซึ่งในทางปฏิบัติมีราชอาณาจักรและรัฐบาลเป็นส่วนประกอบสำคัญ 
  2. สถาบันการปกครอง: อังกฤษมีระบบรัฐสภาที่ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและสภาผู้แทนพี่น้อง ทั้งนี้สภาผู้แทนราษฎรเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับกฎหมายและการบริหารประเทศ ในขณะที่ไทยมีรัฐสภาประชาธิปไตยที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เลือกตั้งทั้งหมด 
  3. การเลือกตั้ง: อังกฤษมีระบบการเลือกตั้งทั้งแบบแยกเขตและแบบสัดส่วน ในขณะที่ไทยมีระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนและแบบอัศเจรีย์ 
  4. ระบบกฎหมาย: อังกฤษมีระบบกฎหมายที่เกิดจากการสร้างพิธีการและนิยามในรูปแบบของนิติศาสตร์ส่วนบุคคล ในขณะที่ไทยมีระบบกฎหมายที่เน้นการเลือกใช้ตำแหน่งและอำนาจ 
  5. ความเสรีภาพ: อังกฤษมีประชาธิปไตยแบบรัฐบาลแบ่งอำนาจที่มีความเสรีภาพของสื่อมวลชนและเสรีภาพส่วนบุคคลที่เข้มแข็ง ในขณะที่ไทยมีการจำกัดความเสรีภาพบางแง่ทั้งในสื่อมวลชนและสิทธิส่วนบุคคล 

เป็นไปได้ที่จะมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อระบบการปกครองทั้งสองประเทศ และการเปรียบเทียบระบบการปกครองเป็นเรื่องซับซ้อน ดังนั้น ควรพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องและอ้างอิงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ 

 

การปกครองของอังกฤษเป็นระบบประชาธิปไตยแบบราชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่อำนาจในการปกครองถูกมอบให้แก่รัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกตั้ง ระบบนี้มีการแบ่งอำนาจระหว่างสาขาต่างๆ เช่น สภาผู้แทนราษฎร และศาลฎีกา เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีความเป็นระเบียบ และมีการให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและความเป็นศาสนา ระบบการปกครองในอังกฤษยังมีการให้ความสำคัญกับกฎหมายและการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเข้มงวด 

 

เรื่องราวการเมืองที่น่าสนใจเพิ่มเติม

การปกครองของเกาหลีใต้ การปกครองที่นำมาซึ่งความเจริญ 

การปกครองของญี่ปุ่น มีความแข่งแกร่งเป็นอย่างมาก 

การปกครองของจีน ความซับซ้อนและละเอียดอ่อน 

สังคมชนบท การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย 


หรือ ติดตามข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ใน

https://nicolasbrodziak.com

Releated